“Ultra Violet” โทนสีปี 2018 จาก Pantone

ออกแบบ
11 May 2020
แบ่งปันข้อความนี้copylink
“Ultra Violet” โทนสีปี 2018 จาก Pantone
พอถึงสิ้นปีทีไร แวดวงการออกแบบ รวมทั้งวงการแฟชั่น ก็ได้เวลาลุ้นตัวโก่งกันทุกที ว่าปีนี้ บริษัทสีเจ้าแม่ยักษ์ใหญ่อย่าง Pantone จะเลือกสีใด เป็นโทนสีแห่งปีของปีถัดไป สำหรับปีนี้เองก็เช่นกันครับ แต่ทว่า ตอนนี้เราไม่ต้องลุ้นให้ตื่นเต้นกันอีกต่อไปแล้ว เพราะ Pantone ประกาศออกมาให้โลกรับรู้แล้วว่า สีม่วง Ultra Violet รหัส 18–383 คือสีแห่งปี 2018! ซึ่งเมื่อ Pantone ประกาศผลมาปุ๊บ LocoPack ก็ไม่อยากรอช้า ขอนำเสนอข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับเจ้าสีม่วงสุดเย้ายวนผ่านบทความนี้กันเลย ULTRA VIOLET สำหรับกราฟฟิกและแพคเกจจิ้งดีไซน์แฝงไปด้วยความซับซ้อน ดูลึกลับ แต่ให้ความรู้สึกกลมกลืน สีม่วง Ultra Violet ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นโทนสีแห่งปีสำหรับแวดวงการออกแบบกราฟฟิกและแพคเกจจิ้ง ซึ่งผลการคัดเลือกครั้งนี้ ถือว่าสอดคล้องกับทิศทางของผลงานดีไซน์เนอร์จากทั่วโลกเป็นอย่างดี ดั่งที่ปรากฏให้เห็นในเทรนด์การออกแบบแพคเกจจิ้ง สินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเสริมความงาม รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์หรู ซึ่งนับวันจะยิ่งเน้นความซับซ้อนและมิติของการออกแบบที่มากขึ้นยิ่งกว่าเดิม ULTRA VIOLET และวงการแฟชั่นด้วยคุณสมบัติที่มีความเป็นกลางระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ตัวเลือกอย่างสีม่วง Ultra Violet ที่ผสมผสานกันระหว่างพื้นสีของสีแดง และสีฟ้า ได้ถูกหยิบยกเป็นเครื่องมือเพื่อสร้างความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างผู้ออกแบบ ผู้ผลิตและผู้บริโภคทุกๆเพศ นอกจากนี้ความเข้ากันได้ดีกับสี และวัสดุที่หลากหลายอย่างไม่จำกัด อาทิ การใช้สีทองกับสีม่วงเพื่อให้บรรยากาศหรูหรา การใช้สีเขียวเทากับสีม่วงก็ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ นอกจากนี้การจับคู่ผ้าหรูอย่างกำมะหยี่กับสีม่วงสำหรับชุดราตรีงานกลางคืน ก็ดูเข้ากันได้ดีไม่แพ้การเลือกใช้สีม่วงสำหรับสินค้านักกีฬา หรือรองเท้าผ้าใบ ULTRA VIOLET ในแวดวงความงาม ถือเป็นมนต์ขลังของสีม่วง Ultra Violet ที่สามารถใช้เสริม แต่งประกายเพื่อเพิ่มความงามน่าหลงใหลให้กับทุกๆคน ด้วยความนุ่มลึกแบบเป็นธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับความลงตัวของการผสมสี ไล่สี สีม่วงได้ถูกคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนของความงามในวงการแฟชั่นผ่านหลายกรรมวิธีการใช้ ไม่ว่าการใช้สีม่วงเดี่ยวๆ เพื่อทาเป็นลิปสติก หรือใช้เป็นสีเล็บสามารถที่สร้างเอกลักษณ์มั่นใจปนเท่ห์ ให้กับผู้เลือกใช้ หรือการใช้สีม่วงผสมกับสีเมทาลิกเพื่อใช้กับเปลือกตาให้เจ้าของดวงตาดูลึกลับ เป็นปริศนาดั่งสีของจักรวาลก็นับเป็นอีกเคล็ดลับวิธีสร้างความน่าดึงดูดที่น่าสนใจ นอกจากนี้สีม่วงยังได้ถูกเลือกใช้เป็นเฉดสีสำหรับการย้อมเส้นผมที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นในมุมมองความงามแบบ Street StyleULTRA VIOLET เพื่อการแต่งบ้าน หากกำลังมองหาหนทางเพื่อเปลี่ยนห้องแบบเดิมๆให้เป็น ห้องที่บ่งบอกความเป็นตัวเองได้มากขึ้น การเลือกใช้สีม่วง Ultra Violet นับเป็นวิธีที่น่าสนใจที่ Pantone เสนอ ด้วยคุณสมบัติที่สามารถเข้ากันได้ดีกับสีต่างๆ เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว การจับคู่สีม่วงกับสีสันโทนสดใสหรือ สีสว่างสามารถช่วยฉุดความโดดเด่นของเครื่องแต่งบ้านชิ้นอื่นๆ นอกจากนี้สีม่วง ยังนับเป็นสีที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในทุกๆห้องของบ้าน หรืออาคารได้ด้วยเช่นกัน Credit: Pantone

บทความที่เกี่ยวข้อง
แกะกล่อง APPLE เผยเทคนิคการออกแบบที่เรียบหรู
แพกเกจจิ้งออกแบบ
31 March 2020
ใครที่เคยได้เห็น หรือแค่สัมผัสบรรจุภัณฑ์ของ Apple ถึงแม้คุณอาจจะยังไม่ได้เปิดกล่องออกมา แต่คุณจะรู้สึกได้ถึงความหรูหราสง่างาม เสมือนมีของอันล้ำค่าอยู่ข้างในนั้น ในขณะที่การออกแบบและสีสันมันช่างเรียบง่ายเสียเหลือเกินApple เป็นบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์เป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีข่าวออกมาว่า Apple มีห้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เป็นความลับ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในนั้นได้ นอกจากนี้ก่อนที่จะมีการเปิดตัว iPod เป็นครั้งแรก Apple มีบรรจุภัณฑ์นับร้อยแบบให้เลือก มีขั้นตอนการออกแบบตั้งแต่การระบุตำแหน่งที่จะดึงสติ๊กเกอร์ ชนิดของกระดาษแข็ง และกลไกการพับ ดังนั้นประสบการณ์ของลูกค้า Apple ไม่ได้เริ่มต้นเมื่อลูกค้าใช้ผลิตภัณฑ์ แต่จะเริ่มตั้งแต่เห็นบรรจุภัณฑ์ของ Apple ประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าในการเปิดกล่องผลิตภัณฑ์ออกมามีความสำคัญพอๆกั บการให้ประสบการณ์การใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ดี นอกจากนี้การออกแบบบรรจุภัณฑ์ของ Apple ยังเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อม คนส่วนใหญ่ที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ Apple ยังคงมีบรรจุภัณฑ์นั้นๆ เก็บไว้อยู่ ไม่ใช่แค่เพื่อเป็นกล่องไว้เก็บเอกสารใบรับประกัน บรรจุภัณฑ์ของ Apple นั้น ได้รับการออกแบบมาอย่างดีเพื่อให้คุณสามารถจัดเก็บผลิตภัณฑ์ได้ในขณ ะที่คุณไม่ได้ใช้งานอีกด้วย เทคนิคสำคัญที่ Apple ใช้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ คือ ความเรียบง่ายรูปลักษณ์บรรจุภัณฑ์ของ Apple จะดูเรียบง่ายและดูสะอาดตา รูปที่อยู่บนกล่องเป็นภาพของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ข้างใน ไม่มีตัวอักษร หรือคำบรรยายอื่นใด ศิลปะอื่น ๆ บนบรรจุภัณฑ์คือโลโก้ Apple และชื่อผลิตภัณฑ์ที่อยู่ด้านข้างของกล่อง รายละเอียดผลิตภัณฑ์ (16 GB, 3G เป็นต้น) และลิขสิทธิ์จะซ่อนไว้ที่ด้านหลังกล่องความสอดคล้องบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้นมีความสวยงาม ใช้ง่ายไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์อะไรก็ตาม การเปิดกล่อง iPad ให้ความรู้สึกเหมือนกับเป็นการเปิดกล่องสำหรับ iPhone และ iPod ซึ่งมันคือความเรียบง่าย และมีความสอดคล้องกันของแบรนด์ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อของ Apple ต้องการและคาดหวังจากบริษัท แม้แต่อุปกรณ์เสริมในกล่องก็ ใช้สาย USB เดียวกันกับผลิตภัณฑ์ Apple อื่น ๆการใช้งานที่ง่ายมีโฆษณา iPad ของ Apple ที่บอกว่า "คุณรู้วิธีใช้แล้ว" ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ถ้าคุณคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์ Apple ตัวอื่น ๆ อินเทอร์เฟซของ Apple ถูกออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีคู่มือการใช้งานที่หนาๆ ในหลายภาษา มีเพียงแค่การ์ดสองด้านที่เรียบง่ายซึ่งจะนำคุณไปสู่คำแนะนำการใช้งานผ ลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ คุณแทบไม่จำเป็นต้องอ่านคู่มือเลยจริงๆ เว้นเสียแต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่คุณซื้อสินค้าจาก Apple คุณภาพของวัสดุที่ดีเยี่ยมคุณภาพของกระดาษที่ใช้ในการทำกล่องและการ์ดวิธีการใช้งานนั้น เป็นเนื้อกระดาษที่มีคุณภาพสูงมาก เนื้อสัมผัสที่อ่อนนุ่ม สวยงาม เคลือบเงาทึบสีครีม และฟอยล์โลหะสีเงินบนโลโก้ Apple เมื่อคุณได้สัมผัสตัวกล่องจะรู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แทนที่จะมองหาวิธีที่จะประหยัดเงินด้วยการใช้กล่องราคาถูก และแผ่นกระดาษที่ราคาไม่แพง Apple ได้ทำให้บรรจุภัณฑ์เหล่านั้นเป็นกลายเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ดังนั้นเราเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ และการตลาดเหล่านี้ได้บ้าง เราต้องรู้ว่าลูกค้าคาดหวังอะไรจากแบรนด์ของเราและนำเสนอในทุกๆ ด้านของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การออกแบบผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการออกแบบบรรจุภัณฑ์ แบรนด์มีความหมายมากกว่าแค่โลโก้ ประสบการณ์ในทุกๆ อย่างที่ลูกค้าได้รับเมื่อพวกเขาได้ใช้สินค้าหรือบริการของคุณ คุณจะต้องแน่ใจว่าได้ส่งมอบ และสะท้อนถึงแบรนด์ของคุณอย่างแท้จริง ลดความซับซ้อนของข้อความและการสื่อสาร เพื่อสื่อสารให้ตรงจุดที่สุด เน้นการใช้ภาพมากกว่าการใช้ข้อความ แสดงความเป็นตัวตนของแบรนด์อยู่ตลอดเวลา แบรนด์ที่ยิ่งใหญ่จะแสดงถึงบุคลิกของบริษัทที่ทำให้เรารู้สึกว่าแบรนด์เหล่ านี้เป็นมากกว่าองค์กรการค้า บุคลิกของแบรนด์ควรสะท้อนให้เห็นว่าคุณเป็นใครและทำให้คุณแตกต่าง จากบริษัทอื่น ๆ อย่างไร ระยะหลังนี้แม้แต่บริษัท Microsoft เอง ก็ยังหันมาให้ความสำคัญกับการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่เรียบง่าย และดูหรูหรามากขึ้น การที่คุณใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดแม้กระทั่งบรรจุภัณฑ์ของคุณเองนั้น ทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ถึงความเป็นเอกลักษณ์ และความมีตัวตนของแบรนด์ของคุณได้มากเลยทีเดียว Credit: gianfagnamarketing packaginginnovation swedbrand-group
วิธีวัดขนาดกล่องภายใน
แพกเกจจิ้งออกแบบ
11 May 2020
วิธีวัดขนาดกล่องภายในพร้อมที่วางสินค้า ในแวป locopack.co เราสามารถระบุขนาดกล่องภายในเพื่อให้ระบบคำนวนราคาให้ได้ทันที แต่จะรู้ขนาดกล่องได้อย่างไร?วันนี้เราจึงทำเป็นคลิปสอนวิธีวัดขนาดกล่องง่ายๆมาแชร์กันครับ อุปกรณ์ กระดาษ ปากกา ไม้บรรทัดหรือสายวัด วิธีการวัดขนาดกล่อง วางเรียงสินค้าลงบนกระดาษ โดยให้เว้นระยะห่างระหว่างสินค้ามากกว่า 1 ซม. ใช้ปากกาวาดกรอบสำหรับที่วางสินค้าโดยให้เว้นระยะห่างระหว่างสินค้ากับขอบกล่องมากกว่า 1 ซม. วัดขนาดความกว้างและยาวของกรอบที่วางสินค้าในหน่วยซม. วัดขนาดความสูงของสินค้าที่วางเรียงบนกระดาษ โดยใช้ความสูงของชิ้นที่สูงที่สุด กรอกข้อมูล “ขนาดกล่องภายใน” บนเวป locopack.co โดยให้เลือก “ต้องการที่วางสินค้า”
5 วิธีการออกแบบ “แพคเกจจิ้ง” ให้เป็นมากกว่าแพคเกจจิ้ง
แพกเกจจิ้งออกแบบ
11 May 2020
จะดีแค่ไหน ถ้าเราสามารถออกแบบแพคเกจจิ้งให้มีประโยชน์และเป็นมากกว่าแพคเกจจิ้งได้ แม้ว่าหน้าที่หลักของแพคเกจจิ้งคือการปกป้องสินค้า แต่ว่าในอีกแง่มุมคือการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและประสบการณ์ที่ลูกค้าสัมผัสได้ให้กับแบรนด์ของเรา วันนี้เราจะมานำเสนอ 5 แนวคิดวิธีการออกแบบแพคเกจจิ้งให้เป็นได้มากกว่าการปกป้องสินค้า แต่ยังเป็นมากกว่าแพคเกจจิ้ง ทั้งในแง่ประโยชน์ใช้สอยที่มากขึ้น และการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมตัวอย่างไอเดียดีๆจากแบรนด์ที่ออกแบบแพคเกจจิ้งได้อย่างสร้างสรรค์ 1. Less is Moreน้อยแต่มาก แนวคิดจากออกแบบสินค้าที่ใช้วัสดุในการทำแพคเกจจิ้งให้น้อยลง แต่เพิ่มประโยชน์การใช้สอยให้มากขึ้น เป็นแนวคิดง่ายๆ ที่เน้นการใช้ความคิดสร้างสรรค์และความใส่ใจลูกค้ามากขึ้น ตัวอย่างเช่น allbirds shoes Brand รองเท้าที่ออกแบบกล่องรองเท้าภายใต้แนวคิด from store to home เป็นกล่องที่วางในร้านก็ได้ วางในบ้านก็ดี เพราะโดยตามพฤติกรรมคนส่วนใหญ่เวลาซื้อรองเท้ามักจะมีกล่องรองเท้าที่ได้มาตอนซื้อ และมีกล่องพลาสติกสำหรับเก็บรองเท้าในบ้าน ยิ่งสั่งซื้อออนไลน์เราก็จะได้กล่องไปรษณีย์ ที่ใส่กล้องรองเท้าของเราอีกทีด้วย ALLBIRDS SHOES มีการออกแบบกล่องใส่รองเท้าที่จบครบในกล่องเดียวไปเลย มีทั้งความทนทานสามารถเป็นกล่องพัสดุในตัวได้เลย และยังสามารถวางในบ้านแล้วหยิบรองเท้าออกมาใส่ได้อย่างสะดวก และประหยัดเนื้อที่ เรียกได้ว่า LESS IS MORE ที่ลดความจัดจ้านของ แพคเกจจิ้ง ให้น้อยลง แต่เพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้มากขึ้นอย่างทวีคูณเลยทีเดียว 2. Designing the best garbage ถึงแม้ว่าจะหมดหน้าที่ของแพคเกจจิ้งแล้วจะต้องกลายเป็นขยะ แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นขยะที่ดี ขยะที่ดีในที่นี่หมายถึง ขยะที่ไม่ทำลายธรรมชาติหรือสภาวะแวดล้อมต่างๆบนโลกใบนี้ เป็นแนวคิดที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อเพื่อนร่วมโลกทุกชีวิต ยกตัวอย่างเช่น Pangea organics brands สบู่ที่ภาพลักษณ์ของแบรนด์เป็นสบู่ออแกนนิคจากธรรมชาติ ด้วยการออกแบบแพคเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ โดยใส่เมล็ดพันธุ์เล็กๆไว้ในแพคเกจจิ้ง พร้อมกระดาษที่ย่อยสลายได้ เพื่อที่เวลาเรานำสบู่ออกมาใช้แล้ว ก็สามารถฝังแพคเกจจิ้งลงไปในดินปลูกเป็นต้นไม้ได้อีกด้วย 3. ONE MAN’S TRASH IS ANOTHER MAN’S LUXE RUM BOTTLE ขยะของเขา คือ แพคเกจจิ้ง ของเรา การนำวัสดุเหลือใช้จากแบรนด์อื่นมาผลิตใหม่เพื่อให้กลายเป็นแพคเกจจิ้งของเรา ถือว่าเป็นแนวคิดการรีไซเคิลที่น่าสนใจมากๆ เพราะสิ่งที่ไม่มีค่าแล้วของบางคนอาจมีค่าสำหรับคนอื่นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น Fitzroy brand ผลิตเหล้ารัมที่ออกแบบผลิตภัณฑ์ขวดใส่เหล้ารัมของตัวเองด้วยการ reuse/RECYCLE เช่น จุกฝาปิดขวดนั้นทำมาจากฉลากพลาสติกบนขวด Coca-cola ที่นำมาหลอมละลายลงบล็อกใหม่จนกลายเป็นฝาขวดเหล้าดีไซน์เก๋ๆแบบนี้ ตัวแก้วของขวดก็ทำมาจากแก้วรีไซเคิล และแบรนด์ก็ยังมีนโยบายให้ refill เหล้าในขวดเดิมด้วยราคาที่ถูกลงอีกด้วย 4. INNOVATIVE MATERIAL CHOICESสร้างนวัตกรรมวัสดุใหม่ คือการแสดงถึงความก้าวหน้าของแบรนด์ไปอีกขั้น ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมวัสดุสำหรับแพคเกจจิ้ง ใหม่ซะเลย ยกตัวอย่างเช่น Ecovative โรงงานที่ผลิตกล่องใส่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีเนื้อคล้ายโฟม แต่เชื่อหรือไม่ว่ามันผลิตมาจากจุลินซีย์ทางชีวภาพที่อัดแน่นจนกลายเป็นของแข็ง โดยที่มีความแข็งแรงและทนทานสุดๆ อีกหนึ่งตัวอย่างคือ Watersphere ลูกบอลน้ำที่เราสามารถหยิบแล้วกินได้เป็นคำๆทั้งหมด เพราะตัวที่หุ้มน้ำอยู่คือสาหร่ายชนิดนึงที่ทานได้และไม่มีรสชาติ เป็นแพคเกจจิ้งที่กินได้ไปพร้อมๆกับน้ำเลย 5. REUSE, REFILL, OR SHAREแน่นอนว่ามีแบรนด์จำนวนมากมายที่หันมาเริ่มใช้วิธี REFILL สินค้าของตัวเองโดยใช้แพคเกจจิ้งเดิมได้ แต่ละแบรนด์จะมีวิธี REFILL, REUSE สุดสร้างสรรค์อย่างไรขึ้นอยู่กับตัวแบรนด์เอง ไอเดียของเครื่องสำอางยี่ห้อ Kjaer Weis ที่มาพร้อมกับการที่เราสามารถ REFILL แป้ง ลิปติก หรือ eyeshadow ได้เหมือนที่ใครๆก็ทำกัน แต่ทีเด็ดอยู่ตรงที่แบรนด์ Kjaer Weis กลับเข้าใจผู้หญิง ว่าน้อยคนนักที่จะใช้ ลิปติก แป้ง เครื่องสำอางตัวเองจนหมดแล้วมา REFILL Kjaer Weis เลยจัดให้ผู้หญิงที่ซื้อเครื่องสำอางของตนสามารถมา REFILL ของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องรอให้ของเดิมหมด และถ้ามีสีใหม่ออกมาคุณก็แค่เอาสีเก่ามาแลกก็จะได้สีใหม่ไปเลยยย ทั้ง 5 ข้อนับว่าเป็นไอเดียน่าสนใจที่คุณสามารถนำแนวคิดมาปรับใช้กับแพคเกจจิ้งของคุณได้ ถ้าคุณกำลังคิดอยากทำแบรนด์หรือทำแพตเกจจิ้งใหม่ อย่าลืมมาปรึกษา LocoPack ดูก่อนนะครับ เรารับผลิตกล่อง รับออกแบบบรรจุภัณฑ์ ช่วยให้แบรนด์ของคุณโดดเด่น มีภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อยอดขายที่เติบโตเพิ่มมากขึ้นครับCredit: thedieline.com

© 2025 LocoPack All rights reserved.